วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Lima Dasar Summit กุญแจเศรษฐกิจร่วม ไทย-มาเลเซีย

เมื่อวันที่ 22- 26 กันยายน 2553 ที่ผ่านมา หอการค้า 5 จังหวัดของไทย ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และสงขลา ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ลิมอ ดาซาร์ ซัมมิต ครั้งที่ 1/2553 เพื่อเจรจาแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ใน 5 สาขา คือ การค้า การลงทุน อุตสาหกรรมฮาลาล โลจิสติกส์ และการท่องเที่ยว กับผู้แทนภาคเอกชน 5 รัฐของมาเลเซีย ได้แก่ เคดาห์ กลันตัน ปีนัง เปรัค และเปอร์ลิส โดยได้แบ่งการประชุมออกเป็น 3 กิจกรรมหลัก คือ งานแสดงสินค้า (Lima Dasar Expo) การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และการประชุม Lima Dasar Summit โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทยเข้าร่วมการประชุม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย H.E.DATO’ Mukhriz Mahathir เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายมาเลเซียเข้าร่วมประชุม ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรม เจ บี จังหวัดสงขลา

โดยผลสรุปในการประชุมภาคเอกชนไทย- มาเลเซียในครั้งนี้ มีดังนี้

ด้านการค้า เสนอการจัดทำ Lima Dasar Business Card เพื่ออำนวยความสะดวกในการข้ามพรมแดนสำหรับนักธุรกิจสองฝ่าย โดยจัดช่องทางพิเศษที่ด่านชายแดนแก่ผู้ถือบัตรดังกล่าว และการจับคู่ธุรกิจด้าน Fiber Product จากปาล์ม จากมาเลเซีย เพื่อผลิตเป็นอาหารสัตว์และเฟอร์นิเจอร์ที่นอน รวมทั้งความร่วมมือด้านการขยายตลาดสินค้านมแพะของไทยในมาเลเซีย

การลงทุน ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องสิทธิพิเศษด้านการลงทุนใน 5 จังหวัดของไทยและ 5 รัฐของมาเลเซีย พร้อมกับได้เชิญชานนักลงทุนทั้งสองฝ่ายเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว

อุตสาหกรรมฮาลาล ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องจุดแข็งของไทยแลละมาเลเซียสำหรับสินค้าฮาลาล การพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งฝ่ายไทยมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและฝ่ายมาเลเซียมีความเชี่ยวชาญด้านตลาด โดยฝ่ายไทยได้เสนอให้นักลงทุนมาเลเซียร่วมลงทุน (Joint Venture) กับนักลงทุนไทยในนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลปัตตานี และฝ่ายมาเลเซียได้เสนอให้มีการเชื่อมโยงการพัฒนาสินค้าฮาลาล โดยใช้ท่าเรือปีนัง เพื่อส่งออกไปตลาดประเทศที่สาม

โลจิสติกส์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ควรทำให้แนวชยแดนไทย-มาเลเซีย เป็น Commercial Economic Zone ไม่ใช่ Security Zone และขอให้ภาครัฐทั้งสองฝ่าย สนับสนุนการเชื่อมโยงดลจิสติกส์ ระหว่างสองประเทศ เช่น การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และการสร้างอุโมงค์สตูล-เปอร์ลิส รวมทั้งการสร้าง Express Way เส้นทางหาดใหญ่-จังโหลน

การท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายเห็นควรส่งเสริมผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวร่วมกันใน 5 จังหวัดของไทย กับ 5 รัฐของมาเลเซีย โดยเฉพาะสินค้าฮาลาล และพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกัน รวมทั้งการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวเช่น การจัดทำป้าย 2 ภาษา ทั้งภาษาท้องถิ่นและภาษาอังกฤษตามเส้นทางถนน ตลอดจนการเปิดด่านที่มีคุณภาพด้านการท่องเที่ยว 24 ชั่วโมง เช่นด่านเบตง เพื่ออำนวยความสะดวกแกนักท่องเที่ยว

ผลสรุปการประชุมภาครัฐสองประเทศ มีสาระสำคัญ ดังนี้

- ภาครัฐทั้งสองประเทศให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านการศึกษา โดยเห็นควรให้บรรจุรวมในประเด็นความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว

- การจัดตั้งสำนักงานลิมอ ดาซาร์ และการใช้บัตรลิมอ ดาซาร์ โดยฝ่ายมาเลเซียแจ้งว่าต้องรายงานทั้งสองเรื่องดังกล่าวต่อรัฐบาลกลาง

- สำหรับอุตสาหกรรมฮาลาล ที่ประชุมรับทราบว่า มาเลเซียและไทยต่างมีสถาบันการศึกษาสนับสนุนงานวิจัยและงานวิชาการ และทั้งสอประเทศได้เชิญชานนักลงทุนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมฮาลาลในพื้นที่ประเทศตน

การประชุมลิมอ ดาซาร์ ครั้งที่ 1 ได้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยนับเป็นแนวทางการดำเนินความร่วมมือทวิภาคีกับประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย ในรูปแบบใหม่ที่เน้นกลไกภาคเอกชนและในระดับท้องถิ่น เป็นแกนหลักในการดำเนินการเพื่อให้ส่งผลที่เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์โดยตรงกับท้องถิ่น ซึ่งสามารถที่จะใช้เป็นรูปแบบในการดำเนินการกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ได้แก่ พม่า ลาว และกัมพูชา ฝ่ายมาเลเซียได้ชื่นชมและเห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวความคิดริเริ่มของไทยสำหรับโครงการ ลิมอ ดาซาร์ โดยได้ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการส่งผู้แทนจาก 5 รัฐทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมงานแสดงสินค้ารวมทั้งการจับคู่ธุรกิจ นอกจากนั้น ยังได้เชื่อมโยงกับประเทศที่สาม โดยในการประชุม ลิมอ ดาซาร์นี้ ไทยเชิญรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานของกัมพูชา H.E. Othsman Hassan เข้าร่วมงานในพิธีเปิดและการหารือสามฝ่ายระหว่างไทย มาเลเซียและกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรเชื้อสายมุสลิมอาศัยอยู่ถึง 600,000 คน โดยเป็นทั้งตลาดและแหล่งลงทุนที่มีศักยภาพสำหรับไทยและมาเลเซียสำหรับสินค้าฮาลาลในการดำเนินงานขั้นต่อไป ภาคเอกชนจะนำสิ่งที่ได้จากการหารือไปสู่ภาคปฏิบัติ โดยการจัดประชุมคณะทำงานรายสาขาเพื่อวางแผนปฏิบัติงานร่วมกัน โดยมีภาครัฐเป็นฝ่ายสนับสนุน

นายสมชาย ตันติ์ศรีสกุล ประธานหอการค้าจังหวัดสตูล ยังเผยอีกว่า การประชุมครั้งนี้ ในด้านของภาคเอกชนของทั้ง 5 จังหวัด ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ ประชุม การจับคู่ธุรกิจ และการแสดงสินค้า ซึ่งทางหอการค้าจังหวัดสตูลเป็นฝ่ายประสานงานกับ อีก 4 หอการค้า ในการประสานภาครัฐ ที่รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็น พาณิชย์จังหวัด พัฒนาธุรกิจจังหวัด ในการดำเนินงานต่างๆอีกด้วย ซึ่งผมเองก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคเอกชนเข้ามามีบนบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดและของประเทศในระดับสากล ทั้งยังมองว่าการเริ่มต้นครั้งนี้เป็นแนวทางที่ดีที่จะทำให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ง่ายขึ้นในการทำความเข้าใจ เนื่องจากมีกรอบที่แคบลง ซึ่งจะนำไปสู่การขยายไปในเวทีที่ได้มีการดำเนินการอยู่แล้วอย่างเวที IMT-GT ซึ่งเป็นเวทีที่มีขอบเขตการปฏิบัติที่กว้างกว่า และผมเองก็เชื่อว่าการประชุม ลิมอ ดาซาร์ ซัมมิต ครั้งนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไทยไปสู่การพัฒนาในหลายๆด้าน ให้เป็นไปในระดับสากลยิ่งขึ้น

ข้อมูลจาก...นีรนุช เละสัน/พลังชน สตูล

ไม่มีความคิดเห็น: