กลุ่มอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ โวย เงินเยียวยาชดเชยความเสียหายจากเหตุน้ำท่วม เมื่อปี 2554 ไม่ตรงกับความเสียหายที่ได้รับ ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี จี้ให้ประมงจังหวัดชี้แจง และตรวจสอบใหม่
วันที่ 12 มิ.ย.55 ชาวบ้านในชุมชนท่านายเนาว์ และชุมชนบ้านหัวทาง เทศบาลตำบลคลองขุด อ.เมือง จ.สตูล กว่า 50 คน รวมตัวที่บริเวณอาคารอเนกประสงค์บ้านหัวทาง เทศบาลตำบลคลองขุด อ.เมือง จ.สตูล พร้อมนำเอกสารที่ส่งไปร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องช่วยตรวจสอบเงินค่าชดเชยเงินเยียวในช่วงเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ในห้วงเดือนกันยายน 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านผู้เสียหาย ต้องการให้นายเจิดแสง บุญแท้ ประมงจังหวัดสตูล พร้อมเจ้าหน้าที่ และคณะกรรมการหมู่บ้านที่เกี่ยวข้อง เข้าชี้แจงเรื่องเงินเยียวยาที่นำมาจ่ายชดเชยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเงินทดแทนไม่ตรงกับค่าเสียหายที่สูญไป เช่น ปลากะพง หอย และ ปูม้า ปูดำ ไปกับน้ำหลากกับเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านมา ซึ่งชาวบ้านแต่ละรายมีบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ต่ำกว่า 5 บ่อ ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งบางครอบครัวได้ชดเชยบางรายได้เพียงแค่ 2,000-8,000 บาท
ด้าน นางวาสนา จันทร์ทอง ประธานองค์กรเกษตรกลุ่มประมงชายฝั่งอำเภอเมืองสตูล ผู้ทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่มาแจ้งความเสียหาย ว่าเงินทดแทนน้อยและไม่เพียงพอกับต้นทุนที่ลงไป ตนจึงทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ในเรื่องค่าชดเชยไม่เพียงพอและไม่เป็นธรรมเอนเอียง ส่งไปถึงสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น มีหนังสือตอบกลับมา เพื่อให้ทางประมงจังหวัดสตูลชี้แจงข้อเท็จจริง หนังสือเลขที่ นร 0105 04 /81893 สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 27 ก.พ.2555 กรมประมง และประมง จ.สตูลเร่งชี้แจงชาวบ้านทันที
นายเจิดแสง บุญแท้ หัวหน้าประมงจังหวัดสตูล กล่าวว่า ทางประมงจังหวัดสตูล มีหน้าที่สำรวจความเสียหายเกี่ยวกับสัตว์น้ำที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง และถูกน้ำท่วมพัดพาหายไป โดยได้ส่งขึ้นไปทางกรมประมง เท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นคนอนุมัติเงินลงไปให้ชาวบ้าน แต่วันที่สำรวจได้ทำเวทีประชาคมชาวบ้านเองก็แจ้งความเสียหายมา ซึ่งเรามีการจัดสรรคณะกรรมการแต่ละเขตในพื้นที่ เป็นคนตรวจสอบอีกที ซึ่งหลักเกณฑ์ที่ทางกรมการประมงเป็นคนตั้งไว้ และเราทำการพิจารณาความเสียหายเป็นรายบุคคล และทำการส่งกลับไปยังกรมประมงเพื่อเซ็นพิจารณาพร้อมกับส่งเงินเยียวยาทั้ง หมดมายังทางธนาคารเพื่อการเกษตรประจำจังหวัดสตูล
และได้ทำการเข้าบัญชีให้กับผู้ประสบภัยเป็นรายบุคคลตามที่เคยแนบ เอกสารบัญชีธนาคารไปพร้อมหลักฐานความเสียหายในครั้งแรก ทั้งนี้ มองว่า ชาวบ้านได้รับเงินค่าชดเชยไม่เพียงพอ เราเองต้องตรวจสอบการจ่ายเงินเยียวยาทางกรมประมงก่อน ว่า เขาใช้ระบบในการจ่ายเงินเยียวยาแบบไหนถึงไม่เพียงพอ ซึ่งเราเองก็ส่งเอกสารที่ชาวบ้านร้องมาเรื่องน้ำท่วมนั้น สรุปและส่งไปอย่างถูกต้องและพร้อมให้ตรวจสอบอีกครั้ง
วันที่ 12 มิ.ย.55 ชาวบ้านในชุมชนท่านายเนาว์ และชุมชนบ้านหัวทาง เทศบาลตำบลคลองขุด อ.เมือง จ.สตูล กว่า 50 คน รวมตัวที่บริเวณอาคารอเนกประสงค์บ้านหัวทาง เทศบาลตำบลคลองขุด อ.เมือง จ.สตูล พร้อมนำเอกสารที่ส่งไปร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องช่วยตรวจสอบเงินค่าชดเชยเงินเยียวในช่วงเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ในห้วงเดือนกันยายน 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านผู้เสียหาย ต้องการให้นายเจิดแสง บุญแท้ ประมงจังหวัดสตูล พร้อมเจ้าหน้าที่ และคณะกรรมการหมู่บ้านที่เกี่ยวข้อง เข้าชี้แจงเรื่องเงินเยียวยาที่นำมาจ่ายชดเชยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเงินทดแทนไม่ตรงกับค่าเสียหายที่สูญไป เช่น ปลากะพง หอย และ ปูม้า ปูดำ ไปกับน้ำหลากกับเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านมา ซึ่งชาวบ้านแต่ละรายมีบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ต่ำกว่า 5 บ่อ ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งบางครอบครัวได้ชดเชยบางรายได้เพียงแค่ 2,000-8,000 บาท
ด้าน นางวาสนา จันทร์ทอง ประธานองค์กรเกษตรกลุ่มประมงชายฝั่งอำเภอเมืองสตูล ผู้ทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่มาแจ้งความเสียหาย ว่าเงินทดแทนน้อยและไม่เพียงพอกับต้นทุนที่ลงไป ตนจึงทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ในเรื่องค่าชดเชยไม่เพียงพอและไม่เป็นธรรมเอนเอียง ส่งไปถึงสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น มีหนังสือตอบกลับมา เพื่อให้ทางประมงจังหวัดสตูลชี้แจงข้อเท็จจริง หนังสือเลขที่ นร 0105 04 /81893 สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 27 ก.พ.2555 กรมประมง และประมง จ.สตูลเร่งชี้แจงชาวบ้านทันที
นายเจิดแสง บุญแท้ หัวหน้าประมงจังหวัดสตูล กล่าวว่า ทางประมงจังหวัดสตูล มีหน้าที่สำรวจความเสียหายเกี่ยวกับสัตว์น้ำที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง และถูกน้ำท่วมพัดพาหายไป โดยได้ส่งขึ้นไปทางกรมประมง เท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นคนอนุมัติเงินลงไปให้ชาวบ้าน แต่วันที่สำรวจได้ทำเวทีประชาคมชาวบ้านเองก็แจ้งความเสียหายมา ซึ่งเรามีการจัดสรรคณะกรรมการแต่ละเขตในพื้นที่ เป็นคนตรวจสอบอีกที ซึ่งหลักเกณฑ์ที่ทางกรมการประมงเป็นคนตั้งไว้ และเราทำการพิจารณาความเสียหายเป็นรายบุคคล และทำการส่งกลับไปยังกรมประมงเพื่อเซ็นพิจารณาพร้อมกับส่งเงินเยียวยาทั้ง หมดมายังทางธนาคารเพื่อการเกษตรประจำจังหวัดสตูล
และได้ทำการเข้าบัญชีให้กับผู้ประสบภัยเป็นรายบุคคลตามที่เคยแนบ เอกสารบัญชีธนาคารไปพร้อมหลักฐานความเสียหายในครั้งแรก ทั้งนี้ มองว่า ชาวบ้านได้รับเงินค่าชดเชยไม่เพียงพอ เราเองต้องตรวจสอบการจ่ายเงินเยียวยาทางกรมประมงก่อน ว่า เขาใช้ระบบในการจ่ายเงินเยียวยาแบบไหนถึงไม่เพียงพอ ซึ่งเราเองก็ส่งเอกสารที่ชาวบ้านร้องมาเรื่องน้ำท่วมนั้น สรุปและส่งไปอย่างถูกต้องและพร้อมให้ตรวจสอบอีกครั้ง
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น