วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ชาวละงูบุกพบผู้ว่าฯแก้ปัญหาเวนคืนที่ดินสร้างท่าเรือน้ำลึก


ตัวแทนชาวบ้าน อ.ละงู จ.สตูล ที่ได้รับความเดือนร้อนจากการเวนคืนที่ดิน 82 ราย ยื่นหนังสือผู้ว่าราชการจังหวัดให้มีการพิจารณาค่าเวนคืนที่ดินใหม่ หลังพบไม่ชอบธรรม ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันไม่มีการจับจองพื้นที่สร้างโรงงานอุตสาหกรรมหรือการก่อสร้างท่าเทียบเรือแต่อย่างใดขอให้ชาวบ้านอย่าวิตก

เมื่อวันที่ 18 ส.ค.53ตัวแทนชาวบ้านที่เดือนร้อนจากการเวนคืนที่ดิน 20 รายที่ประสบปัญหาจากโครงการก่อสร้างถนนสายท่าเทียบเรือนน้ำลึกปากบารา (ตอนที่ 2 ) หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 12 ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ห้องประชุมวัฒนโกเมร ศาลากลางจังหวัด เรื่องขอให้กำหนดราคาจำนวนเงินทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน ให้กับชาวบ้านผู้ถูกเวนคืนจำนวน 82 รายใหม่

ซึ่ง นายอาบาส เกศา ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืน ยื่นข้อเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาราคาตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.เวนคืน พ.ศ.2530 แต่ราคาที่ออกมาปรากฏว่าเป็นราคาที่ธนาคารตีราคาจำนองของธนาคารที่ต่ำที่สุด และมีการเลือกใช้ ธ.ก.ส.ตีราคาจำนองของธนาคารอื่นไม่เอาเข้าพิจารณา หรือแม้กระทั่งราคาประกาศขายที่คณะกรรมการสอบถามกับราคาประกาศขายจริงที่ชาวบ้านในพื้นที่รับรู้ ที่มีราคาสูงกว่า

นอกจากนี้ ยังพบว่า ราคาที่ดินบางแปลงของชาวบ้านที่ถูกเวนคืน มีราคาแตกต่างกันมาก เช่น จุดสิ้นสุดโครงการกำหนดให้ตารางวาละ 2,500 บาท แต่เมื่อถึงแปลงของผู้ถูกเวนคืนที่ปริมาณมากจะได้รับค่าเวนคืนเพียงตารางวาละ 298 บาท ทั้งที่เป็นที่ตั้งและทำเลเดียวกัน ซึ่งปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายจุดตั้งแต่จุดเริ่มต้นของโครงการ จนถึงสิ้นสุดโครงการ

หรือกรณีของผู้ที่มีหลักฐานทำสัญญาซื้อขายตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 ราคาตารางวาละ 1,846 บาทบริเวณกลางโครงการ แต่เมื่อได้รับค่าเวนคืนได้แค่ 525 / ตารางวา ปัญหาเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าไม่ได้มีการลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลจริงมาประกอบการพิจารณา

นายอาบาส เกษา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีราคาพืชผลไม้ยืนต้น เช่น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ต้นจาก ฯลฯ ไม่สามารถทดแทนผลผลิตระยะยาวได้ ซึงการกำหนดราคาทดแทนให้ต้นปาล์มน้ำมันขนาดใหญ่ ในราคาต้นละ 500 บาท ยางพาราใหญ่ ต้นละ 1,500 บาท ต้นจากต้นละ 38 บาท ทั้ง ๆ ที่พืชผลเหล่านี้ เป็นแหล่งรายได้ของชาวบ้าน ทำให้เห็นว่าการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนในระยะยาว ส่งผลให้ชาวบ้านต้องได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน และลงความเห็นกันว่า การพิจารณากำหนดราคาค่าทดแทนของคณะกรรมการชุดนี้ ยังขาดข้อมูล ไม่ได้ลงพื้นที่จริงในการหาข้อมูลส่งผลให้ราคาที่กำหนดออกมาไม่มีความชอบธรรม จึงขอให้คณะกรรมการเพื่อพิจารณาเงินค่าทดแทน อสิงหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน โครงการก่อสร้างถนนสายท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา (ตอนที่ 2) ใหม่

พร้อมกันนี้ ตัวแทนผู้ถูกเวนคืน ได้ยืนยันคำพูดของตัวแทนที่เข้าประชุมชี้แจงที่วิทยาลัยการอาชีพว่า “ผู้ได้รับผลกระทบทุกคนพร้อมที่จะเสียสละให้บ้านเมืองมีการพัฒนาให้เจริญมากยิ่งขึ้น ยินดีให้มีการก่อสร้างถนนสายเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึก ปากบารา (ตอนที่2 ) แต่ฝากผู้เกี่ยวข้อง ช่วยพิจารณาให้ผู้ได้รับผลกระทบได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด”

ขณะที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เร่งประสานพบว่าเรื่องได้ผ่านขั้นตอนของจังหวัดไปแล้ว ซึ่งชาวบ้านสามารถยื่นอุทรณ์ได้ ต่อกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการอุทรณ์ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งก็จะมีการเอาข้อมูลจากชาวบ้าน 82 รายที่ไม่พอใจมาพิจารณาอีกครั้งให้พอใจ และถูกต้อง หากทุกฝ่ายพอใจทุกอย่างก็ยุติ

ส่วนเรื่องที่จะมีการระเบิดภูเขา 8 ลูก ขุดทรายในพื้นที่ต่างๆ นั้น ขอให้ชาวบ้านอย่าไปเชื่อ และยืนยันว่าไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่าตื่นตระหนก เพราะขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นการทำประชาพิจารณ์เรื่องรางรถไฟ หรือเรื่องต่างๆ เป็นการดำเนินการไปตามขั้นตอนของการศึกษาเท่านั้น ยังไม่มีการก่อสร้าง ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล ซึ่งปลายเดือนนี้ก็น่าจะมีความชัดเจนว่านายกฯรมต.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เรื่องท่าเทียบเรือจะมีการก่อสร้างที่ทวาย ประเทศพม่า หรือไม่

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: