เมื่อเร็วๆ นี้ นายอาบัส เกศา ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนน 4 เลน อย่างไม่เป็นธรรม เพื่อรองรับท่าเรือน้ำลึกอุตสาหกรรมสตูล ที่ อ.ละงู กล่าวว่า มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเวนคืนที่ดินไม่เป็นธรรมทั้งหมด 82 ราย ซึ่งได้ค่าเวนคืนตารางวาละ 125 บาท รวมแล้วได้ไร่ละ 50,000 บาท โดยบางรายซื้อมาในราคาห้องละเป็นแสนบาท ไร่ละเกือบหนึ่งล้านบาท แต่กรมทางหลวงชนบทได้ทำการเวนคืนในราคาตารางวาละ 125 บาท เป็นการเอาเปรียบบีบบังคับประชาชนอย่างมาก
“ขนาดโครงการท่าเรือนำลึกอุตสาหกรรม คลังน้ำมัน และท่อขนส่งน้ำมัน และโครงการรางรถไฟยังไม่มาชาวบ้านก็ได้รับความไม่เป็นธรรมแล้ว และถ้าหากอนาคตมีการพัฒนาเต็มรูปแบบชาวบ้านจะอยู่อย่างไร หลับตาก็นึกภาพออกว่าจำนวนชาวบ้านที่ถูกเอาเปรียบจากหน่วยงานภาครัฐจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า”
ด้าน นางรอซีก๊ะ ทองแท้ ผู้ได้รับผลกระทบอีกรายกล่าวว่า ในครอบครัวมีด้วยกัน 16 คน ได้รับค่าเวนคืนแค่ 50,000 บาทแล้วจะให้ไปซื้อที่ดินที่ไหนได้ จะให้คนในครอบครัวทั้งหมดอยู่อย่างไรต่อไป จะไม่ยอมให้มีการถูกเวนคืนเด็ดขาด จะยอมตายคารถแทรกเตอร์ที่มาขุด จะไม่ยอมเสียที่ดินที่มีอยู่เพื่อสร้างถนนรองรับท่าเรืออุตสาหกรรมสตูลเป็นอันขาด
นายอาบัส เกศา ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า พวกเราทั้ง 82 คนไม่ได้คัดค้านการพัฒนาแต่ต้องเป็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และเพื่อความยั่งยืน เช่น การพัฒนาการท่องเที่ยว การประมง การเกษตร ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในแบบของสตูลอยู่แล้ว
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม53 ที่ผ่านมา กลุ่มต่อต้านโรงถลุงเหล็กบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปะทิวจังหวัดชุมพร กลุ่มคัดค้านเขื่อนท่าแซะ จังหวัดชุมพร จำนวน 40 คน นำโดย นายสุพจ ส่องแสง เดินทางมาดูพื้นที่ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกอุตสาหกรรมสตูล พร้อมกับให้กำลังใจและแลกเปลี่ยนการทำงานระหว่างเครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล รวมถึงร่วมกันติดตามโครงการแผนพัฒนาภาคใต้และแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล
นายสุพจ ส่องแสง กล่าวว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากแผนพัฒนาภาคใต้ตอนบนทั้งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ ชุมพร ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของเครือข่ายภาคประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล มาระยะหนึ่งจึงได้ถือโอกาสมาเยี่ยมเพื่อเป็นกำลังใจให้กับกลุ่มที่ต่อสู้เพื่อปกป้องฐานทรัพยากรของตนเองเพราะโครงการยังไม่เกิดขึ้นทำให้มีโอกาสในการต่อสู้ไม่เหมือนที่บางสะพานที่โครงการต่างๆ ได้มีการดำเนินการไปแล้วทำให้การต่อสู้มีความยากอีกระดับหนึ่ง
นายสมยศ โต๊ะหลัง เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล กล่าวว่า การต่อสู้ของพี่น้องในแต่ละพื้นที่มีความหลากหลายในการทำงานและมีการศึกษาเรียนรู้ร่วมกันในการทำงาน ว่า ในแต่ละพื้นที่มีวิธีการอย่างไร และเลือกวิธีการให้เหมาะสมของแต่ละพื้นที่ร่วมถึงการสนับสนุนการทำงานร่วมกัน ในอนาคตทางเครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูลจะไปเยี่ยมกลุ่มภาคใต้ตอนบนต่อไปเช่นกัน
ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น